พ.ศ. 2124 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชชนไก่ชนะพระมหาอุปราชา

                        ประวัติศาสตร์ของชาติไทย ได้บันทึกพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้มีการชนไก่ชนะพระมหาอุปราชา ตามบันทึกคำให้การชาวกรุงเก่า คำให้การของขุนหลวงหาวัดและพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์เล่าว่า “วันหนึ่งพระมหาอุปราชา กับพระนเรศวรเล่นชนไก่ ไก่ของพระมหาอุปราคาแพ้ พระมหาอุปราชาฯ ก็ขัดใจ จึงแกล้งพูดเป็นคำเยาะเย้ยว่าไก่เชลยเก่งชนะไก่เราได้  พระนเรศวรได้ฟังดังนั้น ก็น้อยพระทัย ผูกอาฆาตพระมหาอุปราชา แกล้งตรัสตอบไปเป็นนัยว่า ไก่ของหม่อมฉันนี้ พระองค์อย่าเข้าพระทัยว่าจะชนะแต่ไก่ของพระองค์ จะชนเอาบ้านเอาเมืองก็จะได้” จากพระราชประวัติการชนไก่ของสมเด็จพระนเรศวรเพียงเท่านี้เท่านั้นที่มีบันทึกไว้ อย่างลอย ๆ ไม่ได้บอกว่ามีการชนไก่กันที่ไหน? ปีพุทธศักราชที่เท่าไร? เพียงแต่ในบันทึกนี้มีคำว่า “ไก่เชลย” ครูอาจารย์ที่สอนประวัติศาสตร์ของสมเด็จพระนเรศวรให้เด็กนักเรียนที่พวกเราเรียน รวมทั้งตัวข้าพเจ้าด้วยก็เคยเรียนมาและท่องจำอย่างขึ้นใจ ว่าสมเด็จพระนเรศวรชนไก่ชนะพระมหาอุปราชา ตอนพำนักอยู่กรุงหงสาวดี ซึ่งพระเจ้าบุเรงนองได้ขอตัวไปเป็นบุตรบุญธรรม หรือเป็นตัวจำนำ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2107 เมื่อมีพระชันษา 9 ปี และพำนักอยู่กรุงหงสาวดีอยู่ถึง 6 ปี จึงเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ.2113 พระชันษา 15 ปี ในช่วงที่พำนักอยู่กรุงหงสาวดีถึง 6 ปีนั้น ก็ไม่ทราบว่าท่านได้มีการชนไก่ในปี พ.ศ.เท่าไร แต่ก็มีเอกสารประวัติศาสตร์บางฉบับไม่ได้อ้างผู้แต่งบอกว่า สมเด็จพระนเรศวรชนไก่กับพระมหาอุปราชาในปี พ.ศ.2110 ซึ่งพระองค์ท่านมีพระชันษา 12 ปี ในช่วงที่สมเด็จพระนเรศวรพำนักอยู่หงสาวดี 6 ปี ยังทรงพระเยาว์มาก ยังหาสาเหตุแห่งการท้าประลองชนไก่ไม่ได้ และไม่มีสาเหตุแห่งการขัดเคืองพระทัยซึ่งกันและกัน แต่ก็เป็นเพียงความเห็นที่น่าชื่อถือได้ และได้สอนกันต่อ ๆ มาจนถึงปัจจุบัน
                        สำหรับผู้อนุรักษ์ไก่ชนพระนเรศวรต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งข้าพเจ้าก็เกิดความสงสัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 ซึ่งได้ศึกษาประวัติศาสตร์สมเด็จพระนเรศวรเพื่อเตรียมการประกวดไก่ชนของพระนเรศวรและได้ไปถ่ายภาพศึกษาภาพการชนไก่ของสมเด็จพระนเรศวร กับพระมหาอุปราชา ณ วัดสุวรรณดาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นภาพเก่าแก่ มีคำบรรยายใต้ภาพว่า “พระนเรศวรฯ เมื่ออยู่หงสาวดี เล่นพนันไก่กับมังสามเกลียด มังสามเกลียดก็ว่าไก่เชลยเก่งพระนเรศวรฯ ตรัสบอกว่าไก่เชลยตัวนี้จะพนันเมืองกัน ต่างองค์ต่างไม่พอใจในคำตรัส
พ.ศ.2121 พระชันษา 23 ปี” สำหรับประวัติศาสตร์ไทยได้บันทึกไว้ว่าในปี พ.ศ.2121 สมเด็จพระนเรศวรได้ทรงนำเรือพายติดตามพระยาจีนจันตุ ขุนนางเขมร ที่มาขอสวามิภักดิ์ ต่อมาทราบข่าวว่าพระบรมราชาเจ้านายของตนยกโทษาให้ จึงลอบลงเรือสำเภาหนีกลับเขมร เกิดยิงต่อสู้ที่ปากอ่าวเจ้าพระยา พระนเรศวรยิงถูกนายทหารขั้นผู้ใหญ่ของเขมรตายถึง 3 คน แล้วเรือของพระยาจีนจันตุได้ลม จึงหลบหนีไปได้สำหรับภาพเขียนที่วัดสุวรรณดารามที่เก่าแก่นี้ มีการชำรุดเสียหายและมีการซ่อมแซมเมื่อประมาณ 100 ปี มาแล้ว อาจมีการผิดพลาดขึ้นได้ เนื่องจากภาพชำรุด เพียงแต่มีการยืนยันได้ว่ามีการชนไก่และมีการท้าพนันกันเกิดขึ้น
                        สำหรับประวัติศาสตร์สมเด็จพระนเรศวรชนไก่ชนะพระมหาอุปราชา ข้าพเจ้าได้ศึกษาอ่านประวัติศาสตร์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เกิดความสว่างชัดเจนน่าเชื่อถือ จึงคัดมาลงให้ผู้อ่านได้พิจารณาด้วยจากหนังสือ
พระประวัติ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชการ
พระนิพนธ์
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
---------------
พิมพ์แจกในการพระราชทานเพลิงศพ พระยาเพ็ชรพิไสยศรีสวัสดิ์ (แม้น วสันต์สิงห์)
ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส  วันที่ 19 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2505
*******************
                        ถึงเดือน 12 ปีมะเส็ง พ.ศ.2124 พระเจ้าสาวดีบุเรงนองสวรรคต พระเจ้านันบุเรงขึ้นครองราชสมบัติ จึงบอกข่าวไปยังเจ้าประเทศราชให้เข้าเฝ้า ตามประเพณีเปลี่ยนรัชกาลใหม่ สมเด็จพระมหาธรรมราชา ครองกรุงศรีอยุธยาโปรดให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเวลานั้นชันษาได้ 26 ปี เสด็จไปแทนพระองค์ ปรากฏว่าเจ้าฟ้าไทยใหญ่เมืองคังไม่ได้ไปเฝ้าตามรับสั่ง พระเจ้านันทบุเรงทรงดำริว่า จำต้องปราบเมืองคังให้เป็นตัวอย่าง สั่งให้พระมหาอุปราชา คุมพลชาวเมืองหงสาวดีกองทัพหนึ่ง  พระสังกะทัต คนกล้าหาญ คุมพลชาวเมืองตองอูกองทัพหนึ่ง  และสมเด็จพระนเรศวร คุมพลชาวกรุงศรีอยุธยากองทัพหนึ่งให้ไปตีเมืองคัง เจ้านายทั้ง 3 พระองค์ตกลงให้กองทัพพระมหาอุปราชายกขึ้นไปตีก่อน ถ้าตีไม่ได้จะให้พระสังกะทัต และพระนเรศวรผลัดกันเข้าตีวันต่อมา พระมหาอุปราชายกทัพขึ้นไปปล้นเมืองคังเวลากลางคืน พวกชาวเมืองต่อสู้รักษาเมืองเป็นสามารถกองทัพพระมหาอุปราชาตีเข้าเมืองไม่ได้จึงถอยทัพกลับ วันถัดมาพระสังกะทัตยกทัพขึ้นไปตีเมืองคัง ก็ไม่สามารถตีเข้าเมืองคังได้เหมือนกัน สมเด็จพระนเรศวรไปตรวจท้องที่พบทางน้อยขึ้นเมืองคังได้อีกทางหนึ่ง จึงแบ่งทหารออกเป็น 2 กอง พอเวลาค่ำมืดให้กองน้อยให้ไปซุ่มอยู่ด้านหน้า ทางที่พระมหาอุปราชาและพระสังกะทัตเคยขึ้นไป ให้กองใหญ่ให้ไปซุ่มอยู่ทางที่พบใหม่ พอเที่ยงคืนให้กองน้อยยิงปืนโห่ร้องเหมือนจะเข้าตีทางด้านหน้า ตอนดึกใกล้รุ่งให้กองใหญ่ขึ้นไปตีทางที่พบใหม่ พอเช้าก็เข้าเมืองได้และจับตัวเจ้าฟ้าเมืองคังได้ด้วย
                        การตีเมืองคังนั้นเหมือนอย่างประชันกัน สมเด็จพระนเรศวรตีเมืองคังที่หลังกลับมีชัยชนะ พระมหาอุปราชากับพระสังกะทัต ตลอดจนพวกรี้พลก็รู้สึกอัปยศอดสู ฝ่ายพวกกองทัพไทยก็คงยินดีร่าเริงเป็นธรรมดา เลยเกิดรังเกียจกันในระหว่างพวกไทยในกองทัพสมเด็จพระนเรศวรกับพวกพม่ามอญ จนมีเรื่องเล่ากันมาว่า วันหนึ่งสมเด็จพระนเรศวรเล่นชนไก่กับพระมหาอุปราชา ไก่พระมหาอุปราชาแพ้ พระมหาอุปราชากำลังขุ่นเคือง ตรัสออกมาว่า “ไก่เชลยตัวนี้เก่งจริงหนอ” สมเด็จพระนเรศวรก็ตรัสตอบไปในทันทีว่า “ไก่ตัวนี้อย่าว่าแต่จะพนันเอาเดิมพันเลย ถึงจะชนเอาบ้านเอาเมืองกันก็ได้ “ ดังนั้น  ชวนให้เห็นว่าที่สมเด็จพระนเรศวรเสด็จไปแสดงความสามารถของไทย เมื่อคราวไปตีเมืองคังนั้น พระเจ้าหงสาวดีนันทุเรงก็คงไม่พอพระทัยที่สมเด็จพระนเรศวรมีชัยชนะ แต่ก็จำเป็นต้องชมเชยและพระราชทานบำเหน็จรางวัลถึงขนาด แล้วให้เสด็จกลับเมืองไทย
                        ในความเห็นของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งฟันธงว่าสมเด็จพระนเรศวรนไก่ชนะพระมหาอุปราชา ภายหลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรชนะเมืองคัง  พวกเราชมรมอนุรักษ์และพัฒนาไก่ชนนเรศวรทุกท่านต้องยึดถือเอาปีพุทธศักราช 2124 เป็นปีที่สมเด็จพระนเรศวรชนไก่พระมหาอุปราชาและต้องช่วยกันสืบค้นต่อไปอีกว่า ในวันที่ชนไก่นั้นตรงกับวันที่เท่าใด ? เดือนอะไร ? ซึ่งเราจะต้องยึดถือเองว่าเป็น”วันไก่ชนไทย “

***********************



SHARE

นสพ.นิสิต ตั้งตระการพงษ์

ผู้จุดประกายหมาบางแก้วและไก่เหลืองหางขาวจนโด่งดังทั่วประเทศ ซึ่งสุนัขพันธุ์บางแก้วและไก่ชนพันธุ์พระนเรศวรเหลืองหางขาว เป็นสัตว์เลี้ยงเศรษฐกิจที่สร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดพิษณุโลก และเป็นสินค้าส่งออกที่มีความต้องการไปทั่วประเทศ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ มีบุคคลหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังและใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิต เก็บข้อมูล บันทึก ผลักดันมาตรฐานพันธุ์ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งบุคคลสำคัญที่จุดประกายให้สุนัขบางแก้วและไก่เหลืองหางขาวโด่งดังมาจนถึงวันนี้

  • Image
  • Image
  • Image
  • Image
  • Image
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น