พระนเรศวรอุ้มไก่
ได้ปรากฏให้คนไทยเรารู้จักและได้บูชาเมื่อปี พ.ศ.2549 ได้มีการจัดแสดงพระรูปพระนเรศวรอุ้มไก่ขึ้น ในงานพิธีเทอดพระเกียรติพระนเรศวรมหาราชขึ้นที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก
และได้มีการแสดงละครตอนพระนเรศวรมหาราชทำยุทธหัตถี
ต่อหน้าพระที่นั่งพระบรมราชินีนารถ ที่บริเวณวัดเจดีย์ยอดทองข้างศาลากลาง
ควบคุมการแสดงโดยหม่อมเจ้าเฉลิมยุคล (ท่านมุ้ย) ซึ่งท่านสนพระทัยตามรอยไก่ชนนเรศวรด้วย
พระรูปพระนเรศวรอุ้มไก่จึงเป็นที่สนใจของคนพิษณุโลก
ได้มาเคารพและบูชาพระรูปพระนเรศวรอุ้มไก่ ที่วัดท่ามะปรางเป็นอันมาก พระรูปพระนเรศวรอุ้มไก่เป็นพระรูปเนื้อดินเผาเก่า
ขนาดหน้าตักประมาณ 9 นิ้ว ความสูงประมาณ 10 นิ้ว ขุดพบได้ที่ใต้ฐานพระปรางเก่า
ซึ่งเป็นเจดีย์ทรงแบบขอม
สันนิษฐานว่าพระรูปพระนเรศวรอุ้มไก่น่าจะสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย
หรือรัตนโกสินท์ตอนต้น
ชื่อเสียงของวัดท่ามะปรางดังขึ้นมาอีก
ทำให้คนทั้งประเทศไทยและต่างประเทศรู้จักมากขึ้นไปอีก เมื่อทราบข่าวการละสังขาร
ด้วยท่านั่งสมาธิของหลวงพ่อขวัญดีปิยะศรีโล เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2553
ผู้คนทั่วประเทศจึงหลั่งไหลมาเคารพศพหลวงพ่อขวัญดี และบูชาพระรูปพระนเรศวรอุ้มไก่
ซึ่งหลวงพ่อได้ปลุกเสกก่อนละสังขาร เพื่อหารายได้มาสร้างพระอุโบสถหลังใหม่
ซึ่งพระอุโบสถหลังนี้ หลวงพี่ตี๋พระอุดมศักดิ์
ลิ้มศรีตระกูล และคุณภิเษก บูรณะเขตต์
ได้ร่วมกันออกแบบสร้างหน้าบันของพระอุโบสถ
เป็นรูปพระนเรศวรชนไก่กับพระมหาอุปราชา จำลองภาพจากวัดสุวรรณดาราราม
จังหวัดอยุธยา
ด้วยเซรามิคสีสวยสดงดงามเป็นอันมาก
เหมาะสำหรับคนไทยที่ศึกษาประวัติศาสตร์มาชมเพื่อการศึกษา นอกจากนี้ข้าง ๆ
ของพระอุโบสถ ยังสร้างพระรูปพระนเรศวรมหาราชทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาอีก บนหน้าบันหน้าต่างพระอุโบสถด้านละ 5 ภาพ รวมเป็น
10 ภาพ ซึ่งแต่ละภาพจะมีท่าทางลีลาของช้างทรงเข้าสืบประยุทธ์ข้าศึก มีชื่อภาพทั้ง
10 กระบวนยุทธ คือ
1.
คชสารสะบัดงา
2.
หักด่านลมกรด
3.
นาคีพันเหล็ก
4.
องคตควงพระขรรค์
5.
ทะลวงประจัญบาน
6.
คชสารประสานงา
7.
บาทาลูบพระพักตร์
8.
หักคอเอราวัณ
9.
โค่นเขาพระสุเมรุ
10. เถรกวดลาน
ดังนั้น
วัดท่ามะปรางจึงเป็นอีกวัดหนึ่งของประเทศไทย ที่เราชาวไก่ชนควรได้มาศึกษา
และเคารพบูชาพระรูปพระนเรศวรอุ้มไก่ เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว
ประวัติวัดท่ามะปราง สถานที่ตั้งของวัดอยู่ท้ายตลาด
ริมฝั่งแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก วัดท่ามะปรางนี้ สันนิษฐานว่าสร้างสมัยพระเจ้าลิไท
กษัตริย์กรุงสุโขทัย หลังจากหล่อพระพุทธชินราชแล้วเสร็จ ต่อมาพระบรมไตรโลกนารถ
ได้มาบูรณวัดท่ามะปรางนี้ โดยโปรดให้สร้างเจดีย์แบบเดียวกันกับวัดพระศรีมหาธาตุ
(วัดใหญ่) จึงเป็นเจดีย์ทรงแบบขอม เนื่องจากหน้าวัดเป็นแม่น้ำน่าน
จึงมีท่าเรือรับส่งคนโดยสาร และขนส่งสินค้า
ผู้คนทั่วไปจึงมาใช้ท่าเรือนี้เป็นอันมาก จึงเรียกชื่อวัดว่า “วัดท่าพระปรางค์”
ต่อ ๆ มาการเรียกชื่อเพี้ยนไปเป็น “วัดท่ามะปราง” พระปรางค์ของวัดท่ามะปราง
มีฐานกว้าง 6 เมตร สูง 12 เมตร เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
พระปรางค์องค์เดิมได้ชำรุดหักลงครึ่งหนึ่ง นายเทียน นางบุญมา
นิมิตรักษา ได้บูรณะขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2459
วัดท่ามะปรางนอกจากมีพระปรางค์เก่าแก่รูปทรงแบบขอมโบราญ
เป็นที่เคารพสักการบูชาแล้ว ยังมีพระรูปพระนเรศวรอุ้มไก่ที่ขุดพบได้ใต้ฐานเจดีย์แล้ว
ยังมีพระเครื่องซึ่งนิยมเรียกกันว่าพระพิมพ์นางพญา วัดท่ามะปราง (เงี้ยวทิ้งปืน)
ด้วย มีประวัติกล่าวไว้ว่าได้สร้างบรรจุกรุไว้เมื่อ พ.ศ.1909
ตรงกับตอนปลายสมัยกรุงสุโขทัย หรือสมัยอยุธยาตอนต้น มีพุทธานภาพทางคงกระพันชาตรีสูง
มีประวัติเลื่องลือไว้ดังนี้ เมื่อปีจอ พ.ศ.2417 เป็นปีที่ 7 ในรัชกาลที่ 5
พวกฮ่อได้เตรียมทัพที่ทุ่งเชียงคำ จะยกลงมาทางเมืองเวียงจันทร์
เพื่อมาตีเมืองหนองคาย พระยามมหาอำมาตย์ (ชื่น กัลยาณมิตร)
โปรดให้เกณฑ์กำลังมณฑลพิษณุโลก และเมืองอื่น ๆทางอิสานเข้ากองทัพเพื่อยกไปปราบ
เมื่อกองทัพของพระยามหาอำมาตย์ ยกขึ้นไปถึงเมืองหนองคาย
พวกฮ่อก็มาตั้งค่ายอยู่ที่วัดจันทร์ เมืองเวียงจันทร์
พระยามหาอำมาตย์ยกกองทัพขึ้นไปรบพุ่งกับพวกฮ่อ
พวกฮ่อต่อสู้อยู่วันหนึ่งก็แตกหนีไปหมด จับเป็นทหารฮ่อได้มาก กล่าวกันว่า การรบครั้งนี้
นอกจากมีทหารฮ่อแล้วยังมีทหารเงี้ยวปะปนอยู่ในกองทัพของพวกฮ่อเป็นจำนวนมาก
พวกเงี้ยวสู้รบกับทหารไทยไม่ไหว เพราะยิงทหารไทยเท่าไรลูกปืนก็หาลั่นออกไปไม่
จนต้องวิ่งหนีทิ้งปืนยอมจำนนต่อทหารไทย ทหารไทยที่ครบครั้งนั้น
มีพระพิมพ์นางพญากรุวัดท่ามะปรางพิษณุโลก ห้อยคอบูชากันแทบทุกคน พระพิมพ์นางพญา
กรุวัดท่ามะปรางนี้ จึงมีชื่อเรียกที่ทุกคนรู้จักว่า “เงี้ยวทิ้งปืน”
ดังนั้นเมื่อทุกท่านได้มาวัดท่ามะปรางชมหน้ากับพระอุโบสถ
รูปพระนเรศวรมหาราชชนไก่กับพระมหาอุปราชา
รูปพระนเรศวรมหาราชการทรงทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา บริเวณข้างพระอุโบสถบูชาพระเจดีย์เก่าแก่รูปทรงแบบขอม
แล้วท่านต้องไปเคารพและบูชาพระนเรศวรอุ้มไก่ และพระพิมพ์นางพญาเงี้ยวทิ้งปืน
เพื่อเป็นสิริมงคล ปกป้องและคุ้มครองท่านและครอบครัวให้อยู่เย็นเป็นสุขด้วย
******************************************************
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น